สำหรับคนที่สงสัยว่าควรปีนเขาที่ไหนดี เรามี 5 สถานที่ปีนเขาที่ควรต้องไปสักครั้งในชีวิตมาแนะนำ มืออาชีพไปตามกันได้ หรือมือใหม่จะดูเป็นแรงบันดาลใจก็ได้เช่นกัน
การปีนเขาเป็นกิจกรรมยอดนิยมที่ได้รับความสนใจจากผู้ที่ชื่นชอบความท้าทาย โดยกิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงและฝึกความอดทนเท่านั้น แต่ยังเป็นการผจญภัยที่ได้เติมเต็มพลังใจ และเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ไปสัมผัสกับธรรมชาติอันงดงาม แต่สำหรับมือใหม่ หลายคนอาจลังเลว่าจะไปปีนเขาที่ไหนดี เพื่อเป็นการเริ่มต้นการปีนเขาที่ได้ทั้งสนุกและความท้าทายไปพร้อม ๆ กัน บทความนี้ได้รวบรวมสถานที่ปีนเขาที่น่าสนใจ พร้อมคำแนะนำเบื้องต้นสำหรับการเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง แต่จะมีเรื่องอะไรบ้าง มาดูกันเลย
การปีนเขาเป็นกิจกรรมที่ผสมผสานระหว่างกีฬา งานอดิเรก การท่องเที่ยว ที่เกี่ยวข้องกับการเดินหรือปีนภูเขา แบ่งเป็นสองประเภทหลัก
การปีนเขาช่วยพัฒนากล้ามเนื้อ โดยเฉพาะส่วนขา สะโพก หน้าท้อง และหลัง ทั้งยังช่วยเสริมสร้างระบบหัวใจและหลอดเลือด เพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อ และกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง
กิจกรรมนี้ช่วยพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ความอดทน และสร้างความมั่นใจ การเอาชนะความท้าทายอีกทั้งยังกระตุ้นการหลั่งอะดรีนาลีน ทำให้รู้สึกตื่นเต้นและมีชีวิตชีวา
การปีนเขานอกจากจะพาเราไปซึมซับกับธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ยังจะได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ ชมวิวทิวทัศน์ที่แตกต่างจากสังคมในเมืองใหญ่ และได้เรียนรู้เกี่ยวกับพืชพรรณ สัตว์ป่า และระบบนิเวศ
การได้จดจ่อกับการเคลื่อนไหวและสิ่งแวดล้อมขณะปีนเขา จะช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล ทำให้จิตใจสงบและผ่อนคลายได้มากขึ้น
สำหรับคนที่สงสัยว่าควรไปปีนเขาที่ไหนดี เรามี 5 สถานที่ปีนเขารอบโลกที่ควรต้องไปสักครั้งในชีวิตมาแนะนำกัน
Kings Canyon Rim Walk ในอุทยานแห่งชาติของออสเตรเลียเป็นจุดหมายที่นักปีนเขาไม่ควรพลาด ด้วยลักษณะเด่นเป็นหุบเขาหินทรายขนาดใหญ่ มีหน้าผาลวดลายแปลกตาที่ท้าทายนักผจญภัย เส้นทางเดินวนรอบหุบเขายาว 6 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง มอบวิวทิวทัศน์ตระการตาตลอดทาง เหมาะกับการไปสัมผัสธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ของออสเตรเลียเป็นอย่างยิ่ง
ที่ความสูง 1,100 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล สำหรับสถานที่อย่าง Trolltunga จะพบกับแผ่นหินยื่นออกมาจากหน้าผาเหมือนลิ้น ทอดตัวเหนือทะเลสาบ Ringedalsvatnet ภาพที่เห็นสวยงามตระการตา จนทำให้นักปีนเขาทุกคนอยากมาพิชิตสักครั้งในชีวิต การเดินทางไปถึง Trolltunga จะใช้เวลาราว 8-10 ชั่วโมง เหมาะกับนักปีนเขามากประสบการณ์ เพราะมีสภาพอากาศที่แปรปรวน อาจมีฝนและอากาศที่หนาวเย็น ควรเตรียมเสื้อผ้าอบอุ่นที่ระบายความชื้นได้ดี
Ben Lomond เป็นเทือกเขาสูงที่ตั้งตระหง่านเคียงคู่ Loch Lomond ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในสกอตแลนด์ ที่พร้อมเชิญชวนให้นักผจญภัยมาพิชิตความสูงกว่า 3,192 ฟุต โดยจะใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 8 ชั่วโมงเพื่อไปสู่ยอดเขา ที่คุณจะได้เห็นธรรมชาติอันงดงาม ทั้งป่าเขียวขจี ทุ่งหญ้ากว้าง และถิ่นที่อยู่ของนกนานาชนิด สถานที่แห่งนี้จึงไม่เพียงสร้างความท้าทายให้แก่ร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่แห่งความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ และจุดหมายปลายทางที่พลาดไม่ได้สำหรับผู้รักการปีนเขา
Machu Picchu เมืองในตำนานของอารยธรรมอินคา ตั้งตระหง่านอยู่บนเทือกเขาในประเทศเปรู ที่ความสูง 2,350 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ระยะทาง 15 กิโลเมตร ที่จะพาคุณย้อนเวลาสู่โลกของชาวอินคาโบราณ โดยจะต้องเดินเข้าไปในพื้นที่ป่า ขึ้นบันไดหินโบราณ และชมทิวทัศน์ของเทือกเขาอันยิ่งใหญ่ เพื่อไปสู่จุดหมายปลายทางคือซากปรักหักพังอันเป็นอารยธรรมมรดกโลก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง ตอบโจทย์นักปีนเขาที่สนใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
Angels Landing ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติไซออน รัฐยูทาห์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา เส้นทางปีนเขาที่ Angels Landing เป็นหนึ่งในไฮไลท์ที่ดึงดูดนักเดินทางจากทั่วโลก มีเส้นทางยาวประมาณ 8.7 กิโลเมตร ที่คุณจะต้องผ่านทั้งแคนยอนคดเคี้ยว ขึ้นลงบันไดหินโบราณ จนมาถึงจุดสูงสุดที่ความสูง 1,760 เมตรจากระดับน้ำทะเล ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการปีนเขาคือระหว่างเดือนเมษายนถึงพฤศจิกายน เนื่องจากอากาศในช่วงนี้จะอบอุ่นสบาย
สำหรับมือใหม่ที่อยากเริ่มปีนเขา เรามีวิธีเตรียมตัวมาฝาก ดังนี้
ศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ทั้งรายละเอียดของเส้นทางปีนเขา รวมถึงเรื่องสภาพอากาศ ที่สำคัญจะต้องเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับระดับความสามารถและสภาพร่างกายของตนเองด้วย โดยดูจากระยะทาง ระดับความยาก ลักษณะเส้นทาง จุดพักแรม และแหล่งน้ำ นอกจากนี้ ให้ตรวจสอบสภาพอากาศล่วงหน้า เพื่อเตรียมรับมือหากต้องเจอกับสภาพอากาศที่แปรปรวน อีกทั้งอย่าลืมศึกษากฎระเบียบของอุทยานหรือพื้นที่ปีนเขาด้วย
ออกกำลังกาย เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของหัวใจและปอด ควบคู่ไปกับการฝึกเดินหรือวิ่งระยะไกล เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ ควรฝึกร่างกายจากการปีนเขาในสถานที่ที่ไม่ท้าทายมากนัก และค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็จะช่วยให้ร่างกายคุ้นชินและเตรียมพร้อมได้ดีขึ้น
เลือกชุดปีนเขาและอุปกรณ์อย่างเหมาะสม รองเท้าปีนเขาต้องกันน้ำ กันลื่น และเหมาะกับสภาพเส้นทาง เสื้อผ้าควรระบายอากาศได้ดีและเหมาะสมกับสภาพอากาศ เป้สะพายหลังต้องสามารถรองรับน้ำหนักสัมภาระได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ควรพกอุปกรณ์จำเป็นอื่น ๆ ไปด้วย เช่น ไฟฉาย เข็มทิศ แผนที่ ยาประจำตัว อาหาร น้ำดื่ม อุปกรณ์กันฝนและกันหนาว
แจ้งแผนการเดินทาง เส้นทาง และระยะเวลาที่คาดว่าจะกลับมา เพื่อให้ครอบครัว เพื่อน หรือเจ้าหน้าที่อุทยานได้รับรู้ พร้อมแจ้งหมายเลขติดต่อฉุกเฉิน เผื่อกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
เห็นได้ว่าทั้ง 5 สถานที่ปีนเขาข้างต้น ล้วนเป็นสถานที่ปีนเขาต่างประเทศที่ควรไปลองสักครั้งในชีวิต ทั้งนี้ หากคุณกำลังวางแผนที่จะลองไปปีนเขาดูบ้าง ก็สามารถเริ่มต้นจากการปีนเขาในประเทศไทยก่อนได้ และอย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมทั้งร่างกายและอุปกรณ์ การเลือกใช้ ชุดปีนเขาคุณภาพดีก็มีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้การผจญภัยของคุณราบรื่นและปลอดภัยยิ่งขึ้น หากใครกำลังมองหาชุดปีนเขาคุณภาพดี สามารถเลือกซื้อได้ที่ Gori Outdoor พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษมากมาย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 064-956-5983 หรือ 097-928-9997997
แหล่งอ้างอิง
มีทริปเดินป่ากับเพื่อนกลุ่มเล็ก ๆ 2-3 คน เต็นท์แคมป์ปิ้งขนาดเล็กคืออุปกรณ์ที่ตอบโจทย์ที่สุด ! เพราะนอกจากจะน้ำหนักเบา พกง่ายแล้ว ยังแข็งแรงไม่แพ้เต็นท์ใหญ่
โต๊ะตั้งแคมป์ ไอเทมเพิ่มความสะดวกสบายที่ขาดไม่ได้สำหรับสายแคมป์ ซึ่งบทความนี้จะมาแนะนำว่าควรเลือกโต๊ะแคมป์ปิ้งแบบไหนดีให้ตอบโจทย์ตรงกับการใช้งาน
การเดินป่าคือการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น แต่นอกจากเรื่องการเตรียมตัวต่าง ๆ แล้ว จำเป็นต้องรู้จักกับ 10 ความเชื่อและข้อห้ามเกี่ยวกับการเดินป่า เพื่อความปลอดภัย